🚚 บริการรับสินค้าเฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ → ส่งถึงบ้าน → ติดตั้งพร้อมใช้งาน โดยทีมงานมืออาชีพ MixxMobel

ดีไซน์สวย พอดีกับทุกมุมของชีวิต

🛋 เลือกแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ SB FURNITURE

เฟอร์นิเจอร์ที่ตอบโจทย์ทุกสไตล์การใช้ชีวิต

🛋️ ดีไซน์สวย ลงตัวทุกฟังก์ชัน

SB Furniture โดดเด่นด้วยการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่สวยงามและใช้งานได้จริง ผสมผสานความทันสมัยกับความอบอุ่นของบ้านอย่างลงตัว ทุกชิ้นผ่านการออกแบบโดยทีมดีไซน์มืออาชีพ ตอบโจทย์การใช้งานจริงของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการทั้งสไตล์และประโยชน์ใช้สอย

🧩 เฟอร์นิเจอร์โมดูลาร์ ปรับเปลี่ยนได้ตามใจ

SB Furniture เข้าใจว่าพื้นที่ในบ้านแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงพัฒนาเฟอร์นิเจอร์แบบ Modular ที่ปรับรูปแบบได้ตามพื้นที่ ลูกค้าสามารถเลือกขนาด สี หรือรูปแบบได้เอง เพื่อให้บ้านทุกหลังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าที่สุด

🏠 ครบทุกห้องในบ้าน ตั้งแต่ห้องนั่งเล่นถึงห้องนอน

SB Furniture มีสินค้าครอบคลุมทุกประเภท ตั้งแต่ชุดห้องนอน ห้องครัว ไปจนถึงสำนักงาน ทุกชิ้นถูกออกแบบให้เข้าชุดกันได้อย่างสวยงาม ช่วยให้ลูกค้าแต่งบ้านได้ง่ายแบบ “One Stop Solution” สะดวกทั้งการเลือกซื้อและการจัดวางในภาพรวมของบ้าน

💎 มาตรฐานคุณภาพระดับสากล

SB Furniture ใช้วัสดุที่ได้มาตรฐานและผ่านการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน ทนทาน ปลอดภัย และเหมาะกับสภาพอากาศในประเทศไทย มีโรงงานผลิตของตัวเองเพื่อควบคุมคุณภาพได้เต็มที่ มั่นใจได้ว่าเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นคือการลงทุนที่คุ้มค่าและยาวนาน

🏠 ประวัติแบรนด์ SB FURNITURE – จากโรงงานเล็กสู่ผู้นำตลาดเฟอร์นิเจอร์ Built-in

จุดเริ่มต้น &แบ็กกราวนด์

  • SB Furniture ถูกก่อตั้งขึ้นในประเทศไทย ในนาม SB Furniture Industry Co., Ltd. (ส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท SB Furniture Group)   โดยเริ่มเป็นผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป ก่อนจะพัฒนามาจนถึง “ทีมงานออกแบบ + บิลต์‑อิน” มากขึ้น
  • บริษัทแจ้งว่า “ดำเนินธุรกิจมากกว่า 50 ปี” ในช่วงปีล่าสุด
  • ในปี 1967 มีการบันทึกว่า SB Furniture Group เริ่มทำงานนำเข้าแผ่น Particle board และ MDF ในไทย ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของการผลิตเฟอร์นิเจอร์จากไม้จริงมาใช้วัสดุผสม
  • ปี 1983 ถือเป็นหนึ่งในปีเริ่มสร้างแบรนด์ SB Furniture อย่างเป็นทางการในไทย

การเติบโต &จุดเปลี่ยนสำคัญ

  • SB Furniture จากผู้ผลิต ‑> ผู้จัดจำหน่าย ‑> ผู้ให้บริการ “Total Interior Solution” (รวมเฟอร์นิเจอร์ โมดูลาร์ บิลต์‑อิน และบริการออกแบบ)
  • ในช่วงต้น SB ให้ความสำคัญกับวัสดุคุณภาพ เช่น ตั้งแต่ปี 2003 ใช้ไม้หรือวัสดุที่ผ่านมาตรฐาน E1 (ปล่อยฟอร์มาลดีไฮด์ต่ำ) เพื่อสุขภาพผู้ใช้
  • มีการขยายสาขา/โชว์รูม ขนาดใหญ่ เช่น SB Design Square ที่ศูนย์ออกแบบบ้านครบวงจร และเป็น “โชว์รูมแห่งประสบการณ์” แทนแค่ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ 
  • SB ได้วางกลยุทธ์ขยายเครือข่ายขายในต่างจังหวัด, ปรับโลจิสติกส์ให้รับ AEC และส่งออกต่างประเทศ

จุดเด่นที่ทำให้ครองใจตลาด Built‑in / เฟอร์นิเจอร์ไทย

  • เน้นบริการ Built‑in & โมดูลาร์: SB Furniture ไม่ได้ขายเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว แต่มีชุดเฟอร์นิเจอร์บิลต์‑อิน (ตู้บิวท์ อิน ห้องครัว ห้องนอน) ซึ่งตอบโจทย์บ้าน/คอนโดในไทยที่ต้องการพื้นที่ใช้งานสูง
  • วัสดุมาตรฐานและความมั่นใจ: ใช้วัสดุที่ผ่านมาตรฐาน เช่น E1 ที่ปล่อยสารน้อยเพื่อสุขภาพผู้ใช้ 
  • โชว์รูมที่ให้ประสบการณ์มากกว่า: SB Design Square มีการจำลองห้องจริง มีทีมดีไซน์ให้บริการ และเป็นศูนย์รวม “ไอเดียตกแต่งบ้าน” ไม่ใช่แค่ขายของ
  • ครอบคลุมทั้งตลาดระดับกลางถึงสูง: SB มีแบรนด์หลัก SB และ Koncept เพื่อจับกลุ่มต่างระดับราคา

กลยุทธ์ &บทเรียนที่ผู้ทำธุรกิจสามารถเรียนรู้ได้

  • จากผู้ผลิต → สู่บริการครบวงจร (Product + Service): การเพิ่มบริการออกแบบ, บิลต์‑อิน, ดีไซน์ช่วยให้แตกต่างจากคู่แข่งแบบเพียงขายเฟอร์นิเจอร์
  • วางตัวเป็นแบรนด์คนไทยที่มีมาตรฐานระดับสากล: ใช้วัสดุมาตรฐาน, รับรองคุณภาพ, ส่งออกต่างประเทศ → เพิ่มความเชื่อมั่นของผู้ใช้
  • โชว์รูมประสบการณ์ = จุดดึงดูด: ไม่ใช่แค่โชว์สินค้า แต่โชว์ว่าผู้ใช้จะ “อยู่” อย่างไรในบ้านแบบ SB ได้ → ช่วยให้ผู้ซื้อเข้าใจและตัดสินใจง่ายขึ้น
  • จัดช่องทางขายหลายช่องทาง +ลดต้นทุนโลจิสติกส์: ขยายต่างจังหวัด, ส่งออก, ใช้วัสดุที่มีประสิทธิภาพ = ลดต้นทุน = แข่งขันราคาได้
  • มีแบรนด์รองรับหลายระดับ: จับทั้งตลาดกลาง‑บน และระดับสูง → ขยายฐานลูกค้าได้กว้าง

ความท้าทายที่มีและสิ่งที่ควรระวัง

  • ตลาดแข่งขันสูงมาก ทั้งจากแบรนด์ต่างประเทศ +ออนไลน์ +เฟอร์นิเจอร์นำเข้า
  • ลูกค้าต้องการนวัตกรรม +วัสดุใหม่ +บริการที่เหนือกว่า → แบรนด์ต้องเดินหน้า R&D อย่างต่อเนื่อง
  • พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนเร็ว (ออนไลน์ +โมบาย) → แบรนด์ต้องมี omni‑channel ที่แข็งแรง
  • ปัญหาต้นทุนวัสดุและโลจิสติกส์อาจสูงขึ้น → ต้องบริหารต้นทุนให้ดี

สรุป

SB Furniture คือแบรนด์ไทยที่เริ่มจากโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ ก่อนพัฒนาเป็นผู้นำด้าน “เฟอร์นิเจอร์บิลต์‑อิน + ดีไซน์ครบวงจร” ด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลาย: วัสดุมาตรฐาน, ประสบการณ์โชว์รูม, บริการครบ, และขยายช่องทางขายอย่างชาญฉลาด

🏠 ทำไม SB FURNITURE ถึงเป็นที่ไว้วางใจของคนแต่งบ้านทั่วประเทศ

✅ เหตุผลที่ SB Furniture ได้ความไว้วางใจ

1. มาตรฐานวัสดุและคุณภาพที่ชัดเจน

  • SB ระบุว่าใช้ “ไม้ E1” ซึ่งคือไม้ที่ปล่อยฟอร์มัลดีไฮด์ต่ำมาก (≤ 0.1 ppm) ทำให้เหมาะสำหรับบ้านหรือคอนโดที่ใส่ใจสุขภาพ
  • จากรายงานกล่าวว่า “more than one million of households” ใช้ผลิตภัณฑ์ของ SB 
  • ข้อความจากบทความไกด์เฟอร์นิเจอร์บอกว่า SB “furniture can be more expensive than IKEA, but it offers better quality.”

เหตุผลเชิงกลยุทธ์: ถ้าคุณขายสินค้าที่ผู้ใช้รู้สึกได้ถึง “คุณภาพ” จะได้ความเชื่อมั่นสูง ซึ่งนำไปสู่การบอกต่อและซื้อต่อ

2. บริการแบบครบวงจร (Total Home Solution + Built‑In)

  • SB Design Square มีตำแหน่งชัดเจนว่าเป็น “centre of home design solutions” ทั้งสินค้าตกแต่งบ้าน บริการออกแบบภายใน และเฟอร์นิเจอร์ครบชุด
  • รายงานบริษัทระบุว่า SB ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ แต่เป็น “room decoration designer” ที่พัฒนาเฟอร์นิเจอร์บิลต์‑อิน, ตู้โมดูลาร์ คู่กับบริการออกแบบและติดตั้ง

เหตุผลเชิงกลยุทธ์: เมื่อบริการครอบคลุมครบ (ออกแบบ → ผลิต → ติดตั้ง) ลูกค้ารู้สึก “จบในที่เดียว” ลดความยุ่งยาก ซึ่งทำให้แบรนด์ได้เปรียบ

3. แบรนด์ไทยที่มีประวัติยาวนาน +ความน่าเชื่อถือ

  • SB Furniture ก่อตั้งและดำเนินธุรกิจในไทยมานานกว่า 50 ปี
  • มีเครือข่ายโชว์รูมใหญ่ (SB Design Square) และจำหน่ายทั่วประเทศ ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นว่า “ไม่ใช่ร้านเล็กๆ”
    เหตุผลเชิงกลยุทธ์: แบรนด์ที่อยู่ยาว = มีโอกาสพิสูจน์คุณภาพได้ = ผู้บริโภคมั่นใจมากขึ้น

4. การออกแบบและดีไซน์ที่ตอบโจทย์คนไทยและตลาดคอนโด

  • จากรายงาน SB บอกว่าได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ “adjustable in many styles” เพื่อรองรับพื้นที่ใช้งานหลายรูปแบบ
  • รีวิวจากแหล่งต่างประเทศบอกว่า “SB offers higher quality ones… we bought … sofa … from SB”

เหตุผลเชิงกลยุทธ์: ตลาดคอนโด/บ้านเมืองไทยต้องการเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับ “พื้นที่จำกัด” และ “ดีไซน์ทันสมัย” แบรนด์ที่เข้าใจตรงนี้จะได้เปรียบ

5. ความครบ‑เครื่องทั้งออนไลน์และออฟไลน์

  • มีบทความว่าระบบออนไลน์ของ SB Design Square ใช้โมเดล Multi‑Vendor เพื่อขยายตลาดและให้ทางเลือกมากขึ้น
  • โชว์รูมใหญ่ให้ประสบการณ์จริง ทำให้ลูกค้าเดินชมได้ เข้าใจสินค้าจริงก่อนซื้อ
    เหตุผลเชิงกลยุทธ์: วันนี้ผู้บริโภคต้องการช่องทางหลากหลาย ทั้งดูของจริง +ออนไลน์ เพื่อให้การตัดสินใจมีความมั่นใจ

⚠️ สิ่งที่ต้องระวัง / โอกาสที่ควรจับ

  • แม้จะไว้วางใจสูง แต่ก็มีเสียงรีวิวเรื่องบริการหลังการขาย‑ติดตั้งที่ยังมีปัญหา เช่น จาก Pantip ที่มีผู้ใช้งานบอกว่า “งานบิลต์‑อินกับ SB … ผ่านการสั่งซื้อเร็ว แต่การติดตั้งมีปัญหา” 
  • ราคาสูงกว่าร้านทั่วไปบางแบรนด์ → ซึ่งอาจทำให้กลุ่มงบน้อยเลือกแบรนด์อื่น
  • การแข่งขันจากแบรนด์นานาชาติ +ออนไลน์เข้มข้น → SB ต้องรักษามาตรฐาน, ลดต้นทุน, และเพิ่มบริการให้เหนือกว่า

🎨 5 สไตล์การตกแต่งบ้านยอดนิยมจาก SB FURNITURE

1. สไตล์ Modern Comfort / โมเดิร์นคอมฟอร์ท

ลักษณะหลัก

  • ใช้รูปลักษณ์เรียบง่าย เส้นสายตรง กลุ่มสีพื้น เช่น เทา ดำ ขาว และไม้ธรรมชาติ
  • เฟอร์นิเจอร์เน้น “ใช้งานจริง” มากกว่าประดับ เช่น โซฟาขนาดพอดี โต๊ะจิบกาแฟ ตู้เก็บของ ที่มีฟังก์ชันครบ
  • มีการใช้วัสดุคุณภาพ เช่น ไม้จริง/ไม้ลามิเนต ลายไม้ธรรมชาติ ผสมกับโลหะหรือลายสีสะท้อนแสง

ทำไมยอดนิยม

  • ตอบโจทย์บ้าน/คอนโดคนเมืองที่ต้องการภาพรวมดูทันสมัย แต่ไม่เร่งร้อนเกินไป
  • เหมาะกับคนที่อยากแต่งบ้านให้ดูดี แต่ต้องการฟังก์ชันจริงมากกว่าการโชว์
  • SB Furniture มีบริการออกแบบ+บิลต์อินในสไตล์นี้ จึงลดความยุ่งยากให้ลูกค้า

จุดขายสำหรับบทความ

  • ให้ภาพว่า “บ้านรุ่นใหม่ที่อยากอยู่ยาว” ใช้สไตล์นี้แล้วลดการเปลี่ยนบ่อย
  • ชี้ว่า SB มีวางเฟอร์นิเจอร์ครบชุด เช่น ชุดนั่งเล่น, ชุดห้องนอน ที่แมทช์ได้เลย

2. สไตล์ Minimal Scandinavian / มินิมอลแบบสแกนดิเนเวียน

ลักษณะหลัก

  • โทนสีอ่อน เช่น ขาว ครีม เบจ ผสมไม้สีอ่อน (โอ๊ค/เบิร์ช)
  • เส้นสายเรียบ ไม่มีรายละเอียดเยอะ ฟอร์มเตี้ย โปร่ง
  • ใช้พื้นที่แนวตั้งและแนวราบอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ห้องเล็กดู “กว้างขึ้น”

เหมาะกับใคร

  • เจ้าของคอนโดหรือยูนิตห้องขนาดจำกัดที่อยากให้ห้องดูโปร่ง โล่ง ไม่อึดอัด
  • คนรุ่นใหม่ที่ชอบชีวิตเรียบง่าย เน้นคุณภาพมากกว่าจำนวนของ

จุดขายสำหรับบทความ

  • ชี้ว่า SB มีเฟอร์นิเจอร์ “ตามสไตล์นี้” และมีบริการตกแต่งห้องขนาดเล็กโดยเฉพาะ
  • สามารถนำเสนอเป็น “5 เคล็ดลับแต่งห้องมินิมอลด้วย SB” และยกตัวอย่างสินค้าที่แมทช์

3. สไตล์ Luxury Contemporary / หรูแบบร่วมสมัย

ลักษณะหลัก

  • ใช้วัสดุพรีเมียม เช่น หนังแท้ โลหะรมดำ หินอ่อน หรือกระจกเมทัลลิก
  • โทนสีเข้ม เช่น ดำ เทาเข้ม น้ำตาลเข้ม ผสมทองหรือเมทัลลิกเป็นแอคเซนต์
  • รายละเอียดการตกแต่งให้ความรู้สึก “ระดับบน” แต่ไม่ถึงแบบโอเวอร์

เหมาะกับใคร

  • บ้านขนาดใหญ่ คอนโดระดับพรีเมียม หรือคนที่อยากแต่งบ้านให้ดู “มีรสนิยม”
  • ลูกค้าที่พร้อมลงทุนมากขึ้น และมองเฟอร์นิเจอร์เป็นการสะท้อนสถานะ

จุดขายสำหรับบทความ

  • SB มีแบรนด์/คอลเลกชันพรีเมียม และมีเทคโนโลยีวัสดุที่รองรับความหรู
  • ใช้หัวข้อเชิง “ลงทุนให้ถูกจุด: ทำไมเฟอร์นิเจอร์ระดับบนมีคุณค่าทางเวลา”

4. สไตล์ Industrial Loft / อินดัสเทรียลลอฟต์

ลักษณะหลัก

  • โครงสร้างดิบ เช่น อิฐเปลือย เหล็ก สีดำ ผสมไม้สีเข้ม
  • เฟอร์นิเจอร์แนวแข็งแรง หนา เผยผิววัสดุแบบไม่กั๊ก เช่น ขาเหล็ก เห็นรอยเชื่อม
  • เฉดสีโทนเย็น/กลาง เช่น เทาดำ น้ำตาลเข้ม เหมาะกับห้องที่มีฝ้าเพดานสูง

เหมาะกับใคร

  • เจ้าของบ้าน/คอนโดที่มีความสูงหรือโครงสร้างเปิดโล่งแบบลอฟต์ หรือชอบสไตล์แฟชั่นเมือง
  • คนที่อยากให้ห้องมีเอกลักษณ์ “แบบโรงงานปรับรีโนเวต”

จุดขายสำหรับบทความ

  • เน้นว่า SB มีบริการออกแบบห้องลอฟต์ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่เหล็ก/ไม้ดิบ
  • วิธีเลือกโทนสี +วัสดุที่ไม่ทำให้ห้องดู “เย็นเกินไป”

5. สไตล์ Classic Heritage / คลาสสิกตะวันตกแบบร่วมสมัย

ลักษณะหลัก

  • รายละเอียดการตกแต่งเชิงคลาสสิก เช่น ไม้สักลายโชว์ ขาเฟอร์นิเจอร์มีการสลักลวดลาย โคมไฟแบบคลาสสิก
  • โทนสีกลางเข้ม เช่น น้ำตาลแดง ครีมทอง ผสมทองเหลืองหรือบรอนซ์
  • เหมาะกับบ้านที่ต้องการความ “สง่างาม” และสัมผัสของวัสดุธรรมชาติ

เหมาะกับใคร

  • เจ้าของบ้านรุ่นใหญ่หรือคอนโดระดับบนที่ต้องการความหรูในแบบไม่ทันสมัยเกิน
  • คนที่มีเฟอร์นิเจอร์เก่าหรือมรดกตกทอด และอยากผสมผสานกับของใหม่

จุดขายสำหรับบทความ

  • ชี้ว่า SB มีแบรนด์รองรับสไตล์นี้ (เช่น HERITAGE) ตามข้อมูลแบรนด์ที่ SB แสดงไว้ว่า “เรียบง่ายแต่สง่างาม” 
  • วิธีเลือกเฟอร์นิเจอร์สไตล์คลาสสิกโดยไม่ให้ห้องดูเก่า

💡 รวมไอเดียแต่งบ้านสไตล์โมเดิร์นด้วยเฟอร์นิเจอร์ SB

🎨 แนวทางหลักของสไตล์โมเดิร์น

ก่อนจะลงลึกในไอเดียเฉพาะ มาดูโครงสร้างของ “โมเดิร์น” ที่ SB Furniture เน้นไว้ ซึ่งจะช่วยให้เลือกเฟอร์นิเจอร์และตกแต่งได้ลงตัว

  • รูปทรงเรียบง่าย เส้นสายคมชัด ไม่เยอะเกิน — ลดรายละเอียดฟุ่มเฟือย
  • โทนสีหลัก: ขาว, เทา, ดำ, ไม้ธรรมชาติโทนอ่อน–กลาง (ผสมได้)
  • ใช้วัสดุคุณภาพดี เช่น ไม้จริง/ลามิเนต, โลหะย่อย, หนังหรือผ้าเรียบ
  • ให้ความสำคัญกับฟังก์ชัน: เก็บของได้, ใช้งานได้จริง, เข้าได้กับชีวิตเมือง
  • เน้นการจัดวางที่ “พื้นที่รู้สึกโล่ง” ไม่อึดอัด

จากเว็บ SB Design Square พบว่าในหมวด “Modern Style” มีชุดห้องนอน เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่เน้นดีไซน์ทันสมัยอยู่จริง ๆ.

🛋️ ไอเดีย 5 จุดหลักสำหรับตกแต่งบ้านโมเดิร์นด้วย SB Furniture

เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ +จัดวางตาม 5 ส่วนของบ้านที่สำคัญ — จะช่วยให้บ้านดูโมเดิร์นขึ้นทันที

1. ห้องนั่งเล่น (Living Room)

ไอเดีย:

  • เลือกโซฟาแบบ 2‑3 ที่นั่งที่มีโครงเรียบ เช่น ขาโลหะหรือไม้สีน้ำตาลอ่อน/เทา — SB มีโซฟาเข้ามุม/สลับมุมให้เลือกได้ด้วย.
  • โต๊ะกลาง (Coffee Table) เลือกรุ่นที่แนวเรียบ มีชั้นล่างเก็บของได้ หรือใช้ดีไซน์โลหะ+กระจกผสมไม้ เพื่อเพิ่มมิติ
  • พรม/หมอนอิง: เน้นลายเส้นเรียบ หรือสีเดียวที่เข้ากับโทนห้อง (เช่น เทาอ่อน) เพื่อไม่ให้แย่งซีนโซฟา
  • โต๊ะข้าง/โคมไฟ: เพิ่มไฟเสริม แสงอบอุ่น ทำให้ห้องโมเดิร์นดู “น่าอยู่” ไม่เย็นจนเกินไป

เคล็ดลับ:

  • วางโซฟาหันหน้าเข้าทางที่แสงธรรมชาติเข้า (ถ้ามี) เพื่อแสงช่วยเน้นวัสดุ
  • ให้ระยะไว้รอบโซฟาอย่างน้อย 60 ซม. เพื่อความรู้สึก “สะดวก”

2. ห้องอาหาร / มุมนั่งกินข้าว

ไอเดีย:

  • โต๊ะอาหาร: เลือกแบบไม้โทนอ่อนหรือไม้กลางผสมขาโลหะสีดำ/เงิน — จะได้ความโมเดิร์นแต่ยังอบอุ่น
  • เก้าอี้ควรเลือกทรงเรียบ ไม่มีพนักสูงมากเกินไป — เพื่อให้สายตาไม่ถูก “ตัด” จากขนาดโต๊ะ
  • โคมไฟแขวนเหนือโต๊ะ: ใช้ดีไซน์เรียบๆ เช่นทรงกระบอกหรือโดมสีดำ/ทองเล็กน้อย เพื่อเพิ่มมุมมองโมเดิร์น
  • ตู้เก็บของ/ชั้นแขวนผนัง: ใช้ชั้นลอยหรือบิลต์อินบางส่วน เพื่อไม่กินพื้นที่ และช่วยให้ห้องดูคลีน

เคล็ดลับ:

  • ถ้ามีผนังด้านใดด้านหนึ่ง ใช้ภาพกรอบเรียบหรือกระจกขนาดใหญ่ช่วยให้ “ดูกว้างขึ้น”
  • ไม่ควรวางของตกแต่งเยอะบนโต๊ะ — ให้เหลือพื้นที่ใช้จริง

3. ห้องนอน

ไอเดีย:

  • เตียง: เลือกรุ่นที่มีหัวเตียงเรียบ, โครงไม้สีน้ำตาลกลาง/อ่อน หรือผสมโลหะ ส่วน SB มีชุดห้องนอนโมเดิร์นในหมวด Modern Style ให้เลือก.
  • ตู้เสื้อผ้า: ใช้บานเลื่อนเรียบ, มือจับซ่อน, สีเดียวกับเตียงหรือไม้เดียวกันเพื่อให้ผสมกลม
  • ชุดโต๊ะข้างเตียง: เลือกแบบมีลิ้นชักต่ำๆ เพื่อเก็บของได้ และไม่สูงจนบดบังสายตา
  • ผ้าปู/ปลอกหมอน: ใช้โทนสีโลว์คีย์ เช่น เทา/น้ำเงินเข้ม/ผสมไม้ แล้วเติมหมอนอิงสีสด (เช่นเหลืองอ่อน) เพื่อเพิ่มจุดสนใจ

เคล็ดลับ:

  • ให้พื้นที่เดินรอบเตียงอย่างน้อย 50 ซม. เพื่อความรู้สึกโล่ง
  • ถ้ามีหน้าต่าง ใช้ม่านลอนสีอ่อน +มู่ลี่ไม้ เพื่อเพิ่มลุคโมเดิร์น

4. มุมนั่งทำงาน / โฮมออฟฟิศ

ไอเดีย:

  • โต๊ะทำงาน: เลือกแบบมีลิ้นชักซ่อนและขาโลหะบางๆ สีดำหรือเงิน — เพื่อความโมเดิร์นและใช้งานจริง
  • เก้าอี้สำนักงาน: ใช้ทรงเรียบ โทนสีดำ/เทา — หากมีผ้าหรือหนังพรีเมียมจะยิ่งดูดี
  • ชั้นวางเอกสาร/ชั้นแขวน: ใช้ขนาดพอดีกับพื้นที่ อย่าใช้ตู้ใหญ่เกินไป — SB มี “Condo Solutions” สำหรับห้องเล็ก.
  • แสง: ใช้ไฟโต๊ะที่มีดีไซน์เรียบ +ไฟเพดานโทนอุ่น เพื่อไม่ให้สายตาเหนื่อย

เคล็ดลับ:

  • จัดสายไฟให้เรียบร้อย ไม่ให้รกสายตา
  • ถ้าใช้พื้นที่ร่วมกับมุมนั่งเล่น ให้มีการแยกโซนอย่างชัดเจน เช่นวางพรมหรือชั้นหนังสือเล็กๆ คั่น

5. สิ่งตกแต่ง +เก็บของให้โล่งสายตา

ไอเดีย:

  • ตู้/ชั้นเก็บของ: เลือกแบบบานเรียบ มือจับซ่อน หรือใช้ชั้นเปิดแบบโลว์โปรไฟล์ เพื่อให้ห้องโปร่ง
  • ชั้นแขวนผนัง: ใช้รองรับของตกแต่งเล็กน้อย เช่น กรอบรูป นาฬิกา หรือของแต่งบ้าน — ช่วยยกสายตา
  • ของตกแต่ง: ใช้จำนวนเล็กน้อยแต่เลือกคุณภาพ เช่น แจกันโลหะ, โคมไฟดีไซน์เรียบ, พรมลายเส้นเบาๆ — อย่าเยอะจนเกินไป
  • พื้นไม้/ลามิเนต: ถ้าห้องมีพื้นไม้กลาง–อ่อน จะทำให้เฟอร์นิเจอร์ไม้ของ SB โดดเด่นและห้องดูอบอุ่น

เคล็ดลับ:

  • เลือก “พื้นที่เก็บของซ่อน” เช่น ตู้ปิดบาน เพื่อเก็บของที่ไม่ใช้บ่อย
  • ใช้กระจกหรือตู้ที่มีผิวกระจกช่วยสะท้อนแสง เพิ่มความรู้สึกกว้าง

💡 5 เคล็ดลับเลือกเฟอร์นิเจอร์ SB ให้เข้ากับบ้านสไตล์ Japandi / Minimal / Modern

🎨 แนวทางหลักของแต่ละสไตล์

ก่อนจะลงลึกในเคล็ดลับ มาดูโครงสร้างของทั้ง 3 สไตล์ที่เราจะผสมผสาน:

  • Japandi: รวมญี่ปุ่น + สแกนดิเนเวียน — เน้นวัสดุธรรมชาติ โทนอ่อน เรียบสงบ และใช้งานได้จริง 
  • Minimal: ตัดทอนสิ่งไม่จำเป็น ใช้เส้นสายเรียบ โทนสีอ่อนหรือกลาง อยู่แล้วรู้สึกโปร่ง

  • Modern: ดีไซน์ทันสมัย เน้นรูปทรงคม สีเข้มบางส่วน ใช้วัสดุผสม เช่น โลหะ/แก้ว/ไม้ และเน้นฟังก์ชัน

และ SB Furniture ก็มีคอลเลกชันรองรับสไตล์เหล่านี้ครบ

🛋️ 5 เคล็ดลับเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้ลงตัว

1. เลือกวัสดุธรรมชาติ +ผสมวัสดุรองรับสไตล์ Japandi และ Minimal

  • เน้น ไม้จริง / ลายไม้ธรรมชาติ /สีไม้กลาง‑อ่อน → เหมาะกับ Japandi เพราะให้ความอบอุ่นและเรียบ 
  • ผสมวัสดุโลหะสีดำ/เงิน/ขัดด้านในบางชิ้น → เพื่อความ “Modern” ไม่ให้ดูธรรมดาจนเกินไป
  • อย่าใช้วัสดุเงามากเกินไปในแนว Minimal & Japandi เพราะอาจทำให้เสียความสงบ
  • SB Furniture มีคอลเลกชันที่เน้นไม้ +วัสดุธรรมชาติ เช่น “Valley Collection” ที่พูดถึง Japandi Style โดยเฉพาะ 

เทคนิคผู้ใช้จริง:
ก่อนซื้อให้สัมผัสผิววัสดุจริง ดูว่า “รู้สึกอบอุ่น” หรือ “แข็งเย็น” เพราะสัมผัสเป็นส่วนสำคัญในการใช้งานจริง

2. โทนสีควรเลือกแบบ “โทนกลาง +โทนอ่อน” แล้วเติม “แอคเซนต์” เล็กน้อย

  • สำหรับ Japandi & Minimal: ใช้สี ขาว, ครีม, เบจ,ไม้กลาง‑อ่อน เป็นหลัก → ทำให้ห้องดูสว่าง โปร่ง
  • สำหรับ Modern: อาจเพิ่มสีดำ,เทาเข้ม หรือขอบโลหะแอคเซนต์ เพื่อให้ดีไซน์เด่นขึ้น
  • อย่าใช้สีเยอะจนเกินไปในห้องเดียว เพราะสไตล์เหล่านี้เน้นความเรียบและสงบ

เคล็ดลับ:
เลือกเฟอร์นิเจอร์หลัก เช่น โซฟา/เตียง/โต๊ะใหญ่เป็นโทนกลาง แล้วใช้หมอนอิง/พรม/ของตกแต่ง เป็นโทนเล็กๆ แอคเซนต์ เพื่อไม่ให้เปลี่ยนธีมหมด

3. รูปทรงเฟอร์นิเจอร์ควรเรียบง่าย แต่มีฟังก์ชัน ใช้งานได้จริง

  • เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่โครงสร้าง “เรียบ” ไม่มีลวดลายเยอะ เช่น ขาไม้ตรง, มือจับซ่อน → เหมาะทั้ง Minimal และ Modern
  • ใส่ฟังก์ชันเพิ่มเติม เช่น มีลิ้นชักซ่อน, มีชั้นเก็บของใต้เตียง/โซฟา → เป็นจุดเด่นของ SB Furniture ที่นำบริการ Built‑in & โมดูลาร์มาใช้
  • หลีกเลี่ยงเฟอร์นิเจอร์ที่ “เยอะ” หรือมีรายละเอียดแฟชั่นมากเกินไป เพราะอาจไม่เข้ากับธีม Japandi & Minimal

เคล็ดลับ:
ดูว่าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้น “ใช้งานจริง” ได้ไหม เช่น โซฟาที่เปิดเป็นเตียงได้, โต๊ะข้างที่มีลิ้นชักเก็บของได้ — จะคุ้มค่ามากกว่า

4. ใช้พื้นที่อย่างชาญฉลาด: “ช่องว่าง”คือส่วนสำคัญ

  • ในห้องสไตล์ Minimal/Japandi การมีพื้นที่ “ว่าง” รอบเฟอร์นิเจอร์ช่วยให้ห้องดูโปร่งและสงบ
  • เลือกชิ้นที่มีขนาดพอดีห้อง หลีกเลี่ยงตัวใหญ่จนเกินขนาด
  • ใช้ช่องเก็บของแนวตั้ง เช่น ชั้นสูง, ตู้ลอยผนัง เพื่อไม่กินพื้นที่พื้น
  • SB Furniture มีเซกเมนต์ “Modern Style” ที่รองรับห้องนอน/คอนโดขนาดเล็ก

เคล็ดลับ:
วัดพื้นที่ก่อนซื้อ: ระยะเดินรอบเฟอร์นิเจอร์ควรอย่างน้อย 60 ซม. สำหรับโซฟา/โต๊ะกลาง เพื่อให้รู้สึก “เดินได้สบาย”

5. เติมสัมผัสของชีวิตจริง: “ผสมวัสดุ ออกแบบแสง และของตกแต่ง” เพื่อสมดุล

  • แสง: ใช้แสงธรรมชาติให้มากที่สุด + ไฟอบอุ่น (โทนอัพ 2700‑3000K) เพื่อความรู้สึกอบอุ่นและ “โมเดิร์น”
  • ของตกแต่ง: เลือกน้อยแต่ดี เช่น แจกันหิน/ไม้, หมอนผ้าลินิน, พรมลายเส้นเบาๆ → สนับสนุน Minimal/Japandi
  • วัสดุธรรมชาติ: ผสมไม้/หิน/ผ้าลินิน เพื่อเพิ่มมิติและความอบอุ่น
  • SB Furniture ส่งเสริมแนวนี้ในบทความของตน เช่น เน้นเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานได้จริงและวัสดุธรรมชาติ 

เคล็ดลับ:
อย่าใส่ของตกแต่งเยอะจนเกินไป — ให้เฟอร์นิเจอร์เป็น “ตัวหลัก” และของตกแต่งเป็น “จุดเสริม”

💬 ข้อดีข้อเสียของการใช้เฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปจาก SB FURNITURE

✅ ข้อดีของการใช้เฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปจาก SB

1. มาตรฐานวัสดุและคุณภาพที่มั่นใจได้

SB ระบุว่าใช้ไม้ E1 (ปล่อยฟอร์มาลดีไฮด์ไม่เกิน 0.1 ppm) ซึ่งช่วยเรื่องสุขภาพในบ้านได้

นอกจากนี้เป็นแบรนด์ที่อยู่ยาวกว่า 50 ปีในไทยซึ่งเพิ่มความเชื่อมั่น

→ สำหรับคุณ MXX ในฐานะผู้ทำธุรกิจเว็บ/ให้คำปรึกษา: นี่คือ “จุดขาย” สำคัญที่ใช้สื่อให้ลูกค้าเห็นว่าเฟอร์นิเจอร์ SB = ไม่ใช่ถูกแต่คุณภาพต่ำ

2. บริการ “ครบวงจร” พร้อมเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูป +บริการตกแต่ง/บิลต์‑อิน

SB มีบริการ “Total Interior Solution” ‑ มีดีไซเนอร์ ช่วยออกแบบห้อง พร้อมเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปและบริการติดตั้ง

→ สำหรับลูกค้าที่อยากแต่งบ้าน/คอนโดแบบ “จบในที่เดียว” SB เหมาะมาก

3. หลากหลายสไตล์ รองรับหลายกลุ่มราคา

SB มีเฟอร์นิเจอร์ตั้งแต่ระดับกลางถึงสูง และรองรับหลายสไตล์บ้าน/คอนโด

→ หมายความว่า ลูกค้าของคุณสามารถเลือกได้ตามงบและความต้องการ

4. เหมาะกับตลาดไทยโดยเฉพาะ

SB รู้จักตลาดไทยดี (พฤติกรรมผู้ซื้อ, ขนาดบ้าน/คอนโด, งบประมาณ) ซึ่งทำให้เฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปของ SB สามารถ “พอดี” กับการใช้งานในไทย เช่น built‑in, โมดูลาร์ ฯลฯ

→ นี่คือมุมได้เปรียบสำหรับคุณเมื่อแนะนำให้ลูกค้าที่อยู่ในไทย

5. โชว์รูมจริง +บริการแบบมืออาชีพ

SB มีโชว์รูมใหญ่ (SB Design Square) ที่ให้ลูกค้าเดินชมจริง ดูตัวอย่างห้องจริง มีบริการหลังการขาย/คำปรึกษา

→ ช่วยลดความกังวลของลูกค้า: “เห็นของจริงก่อนตัดสินใจ”

⚠️ ข้อเสีย / สิ่งที่ควรระวังเมื่อตัดสินใจใช้เฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปจาก SB

1. ราคาอาจสูงกว่าร้านเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป / โมเดิร์นแบรนด์บางแห่ง

มีรีวิวระบุว่า “SB furniture … can be more expensive than IKEA, but it offers better quality.”

→ ถ้าเปรียบเทียบกับเฟอร์นิเจอร์ “ถูกที่สุด” อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ถูกที่สุด ต้นทุนจะสูงขึ้น

2. ความยืดหยุ่นในการปรับแต่งอาจน้อยกว่าการทำเฟอร์นิเจอร์สั่งทำเต็มรูปแบบ

ถึงแม้ SB จะมี built‑in และโมดูลาร์ แต่เฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปหมายถึง “เลือกจากรุ่นที่มี” ไม่ได้สั่งทำทุกมุม‑ทุกแบบจนสุดเหมือนเฟอร์นิเจอร์แบบ fully custom
→ ลูกค้าที่ต้องการรูปร่างพิเศษมาก…อาจต้องจ่ายเพิ่ม หรือไม่สามารถได้แบบเป๊ะสุด

3. ระยะเวลา/บริการหลังการขาย/ติดตั้ง อาจมีเงื่อนไข

แม้ SB จะมีบริการครบแต่มีเงื่อนไข เช่น การติดตั้งฟรีเฉพาะบางเงื่อนไข/บริการหลังขายอาจต้องใช้ใบเสร็จ/ระยะเวลาติดต่อ

→ เมื่อลูกค้าของคุณเลือกใช้ SB ต้องตรวจสอบเงื่อนไขให้ชัด: “ฟรีติดตั้งตรงไหน?”, “บริการหลัง‑ขายอย่างไร?”

4. การขนย้าย/ปรับเปลี่ยนของหลังใช้งานอาจมีค่าใช้จ่าย

มีข้อมูลไว้ว่าบริการขนย้ายเฉพาะของ SB มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้น (เช่น ย้ายภายในอาคาร/ข้ามอาคาร)

→ ลูกค้าที่อาจย้ายบ้าน/คอนโดบ่อยควรทราบส่วนนี้

5. รุ่นที่ “สำเร็จรูป” อาจถูกแข่งขันเรื่องราคา/วัสดุ เมื่อเทียบกับแบรนด์นำเข้า/เฟอร์นิเจอร์สั่งทำพิเศษ


แม้คุณภาพดีแต่ตลาดมีตัวเลือกมาก — ลูกค้าอาจเปรียบเทียบราคา/วัสดุจนเลือกแบรนด์อื่น
→ คุณในบทบาทที่ปรึกษาควรเตรียมข้อมูลเปรียบเทียบเพื่อช่วยลูกค้าตัดสินใจ